ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นเราคงมีภาพจำที่ว่าเป็นประกันที่ครอบคลุมทุกความเสียหาย ถ้ามีประกันนี้อยู่ก็สามารถหายห่วงเรื่องภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบมาจากอุบัติเหตุและความเสียหายต่างๆ ในทางกลับกันประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ก็มีสิ่งที่ไม่คุ้มครองและสิ่งที่เราเข้าใจผิดกันมากอยู่ไม่น้อย
- ยางรถยนต์และของเหลว
การใช้งานรถยนต์อยู่เป็นประจำย่อมส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพอย่างแน่นอน ซึ่งประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นจะไม่มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่ครอบคลุมในส่วนนี้ เพราะนับว่าเป็นความเสียหายตามกาลเวลาไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ถ้ายางรถยนต์ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุต่างๆ ย่อมได้รับการคุ้มครองตามที่กำหนดไว้ในแผนกรมธรรม์
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีไว้สำหรับรถป้ายแดงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นจะเหมาะสำหรับรถใหม่ที่เพิ่งถอยมาเพราะมีโอกาสหรือความเสี่ยงสูงที่จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คากคิดมากกว่า และมีค่าใช้จ่ายในการเคลมสูง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จึงเหมาะสมที่สุดในการช่วยคุ้มครองค่าเสียหายราคาแพง นอกจากนี้รถที่มีอายุการใช้งานหรือรถเก่าก็สามารถทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้เช่นเดียวกัน ถ้าเราเป็นคนขับที่ไม่ค่อยมีความเชี่ยวชาญและมีโอกาสที่จะได้รับความเสียหายหรือเกิดอุบัติเหตุสูง
- การเลือกทุนประกัน
ถึงแม้ว่าบริษัทประกันจะเป็นผู้คำนวณทุนประกันเอง แต่เราก็สามารถเลือกจำนวนของทุนประกันเองได้ด้วย เมื่อสังเกตุปัจจัยที่มีความจำเป็นต่อทุนประกัน เช่น ถ้าเราและรถมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับความเสียหายหรือเกิดอุบัติเหตุ การเลือกทุนประกันที่มีจำนวนสูงก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีแต่ราคาเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกันถ้าเราไม่ค่อยได้ใช้งานรถจึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุต่ำกว่าการเลือกทุนประกันที่ถูกลงก็จะช่วยให้เราประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มากขึ้นด้วย
- เงื่อนไขความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นจะให้ความคุ้มครองกรณีที่ผู้ขับขี่และคู่กรณีรวมไปถึงผู้โดยสารที่อยู่ในรถได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือการให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในการเป็นเจ้าของรถนั้นเราจะได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจกันทุกคน ประกันภัยภาคสมัครใจนั้นจะให้ความคุ้มครองร่างกายของผู้ได้รับบาเจ็บเท่านั้น ซึ่งจะมาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลก่อนประกันภัยภาคสมัครใจหรือประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เสมอ ดังนั้น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะเข้ามารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายที่เหลือในภายหลัง
- ประวัติการเคลม
การแจ้งเคลมบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเคลมในกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูกหรือโดยเฉพาะกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด หรือแจ้งเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ทั้งหมดจะถูกบันทึกเอาไว้เป็นประวัติการขับขี่ของเรา ซึ่งการแจ้งเคลมบ่อยนั้นจะส่งผลให้ประวัติการขับขี่ของเราไปในทางที่ไม่ดีได้ และจะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นในปีต่อไปได้ ซึ่งบริษัทจะมีการพิจารณาตามกรณี ได้แก่ กรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดและความเสียหายเกิน 50% ของเบี้ยประกันสุทธิที่จ่ายในขณะนั้น จะมีการพิจารณาปรับเพิ่มหรือจ่ายค่าเบี้ยเท่าเดิมขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท และในกรณีที่เราแจ้งเคลมเกิน 200% ของเบี้ยประกันสุทธิก็จะส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้นในปีต่อไปหรืออาจจะถูกพิจารณาเปลี่ยนประเภทประกันหรืออาจถึงขั้นไม่สามารถต่อประกันด้วยได้ในปีถัดไป